ศัลยกรรมผ่าตัดถุงใต้ตา ไร้รอยแผล โดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
ผ่าตัดถุงใต้ตา บอกลาตาแพนด้าดูแก่กว่าวัย
มีหลายคนมาพบแพทย์เพื่อปรึกษาถึงเรื่องรอยคล้ำที่ใต้ตาหรือ “ตาแพนด้า” รอยคล้ำบริเวณใต้ตา ซึ่งเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยมากในคนไทยโดยเฉพาะเมื่อมีอายุมากขึ้น โดยรอยคล้ำนี้จะทำให้ดูอ่อนเพลียและแก่กว่าวัยได้ ซึ่งการกำจัดรอยคล้ำใต้ตาด้วยตัวเองมักไม่ได้ผลและต้องใช้วิธีการแต่งหน้า ใส่แว่นตาเพื่อปิดบัง หรือศัลยกรรมเพื่อผ่าตัดถุงใต้ตาออก

ประเภทของรอยคล้ำใต้ตา
ในทางการแพทย์จะแบ่งรอยคล้ำที่ใต้ตาออกเป็น 3 แบบหลักคือ
1.รอยคล้ำจากเม็ดสี (Periorbital hyperpigmentation) จะเป็นสีน้ำตาล เกิดจากการที่มีเม็ดสีมาสะสมมากขึ้นที่ใต้ตา โดยมีสาเหตุจากกรรมพันธุ์ โดนแดด หรือป่วยเป็นโรคภูมิแพ้ผิวหนัง และการขยี้ตาบ่อยๆ
2.รอยคล้ำจากเส้นเลือด (Periorbital vascular prominence) จะเป็นสีน้ำเงิน-ม่วง และมักมีการบวมของใต้ตาร่วมด้วย มักพบในคนที่เป็นภูมิแพ้ อดนอน
3.รอยคล้ำจากร่องหรือความไม่สม่ำเสมอ เป็นได้จากทั้ง
-ร่องน้ำตา (Tear trough) มักเป็นตั้งแต่เด็กแต่จะชัดเจนขึ้นเมื่ออายุมากขึ้น
-ถุงใต้ตา (Baggy eyelid) เกิดจากการนูนของไขมัน
-ผิวหนังเหี่ยวย่น (Lower lid dermatochalasis, rhytids
ซึ่งในบางคนอาจจะเป็นหลายแบบร่วมกันได้
การดูแลรักษาก็มีแตกต่างกันไปตามสาเหตุ โดยชนิดที่ 1-2 ไม่จำเป็นต้องรักษาด้วยวิธีผ่าตัด แต่อาจรักษาด้วยวิธีต่อไปนี้แทน เช่น
1. ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม: การพักผ่อนให้เพียงพอ นอนหัวสูง ประคบเย็น
2. รักษาโรคภูมิแพ้
3. ใช้ครีมกันแดด และครีมบำรุงผิวใต้ตา
4. ยิงเลเซอร์
อย่างไรก็ตาม การรักษาข้างต้นจะได้ผลกับเพียงคนไข้บางส่วนเท่านั้น ส่วนใหญ่ที่ทำแล้วไม่ได้ผลดีเท่าที่ควรเนื่องจากมีร่องหรือความไม่สม่ำเสมอที่ใต้ตาเป็นตัวการหลักที่ทำให้ใต้ตาคล้ำ โดยถ้ามีภาวะดังกล่าว สามารถมาปรึกษาแพทย์เพื่อรับการรักษา ดังนี้
1. ร่องน้ำตา (Tear trough) ใช้การฉีดสารเติมเต็มหรือฟิลเลอร์เข้าที่บริเวณ ร่องน้ำตา
2. ถุงใต้ตา (Baggy eyelid) ใช้การผ่าตัดถุงใต้ตาเพื่อเอาไขมันส่วนที่เกินออก และอาจใช้การย้ายไขมันมาเพื่อปิดร่องน้ำตาแทนการใช้ฟิลเลอร์ในกรณีมีร่องน้ำตาได้ด้วย
3. ผิวหนังเหี่ยวย่น (Lower lid dermatochalasis, rhytids) ใช้การผ่าตัดแก้ไขหนังส่วนที่เกินร่วมกับการใช้เลเซอร์เพื่อลดริ้วรอยตื้นๆ

