เคยสังเกตคุณตา คุณยายหรือผู้สูงอายุที่บริเวณใต้ตามักจะมีความบวม หย่อนคล้อย และมีลักษณะคล้ายถุงไหม? นี่เรียกได้ว่าเป็นปัญหาที่พบบ่อยในผู้สูงอายุเลยก็ว่าได้ ถึงแม้ในคนอายุน้อยอาจจะไม่ได้เห็นบ่อยๆ แต่เชื่อไหมว่าปัญหานี้สามารถเกิดขึ้นได้ แม้ในกลุ่มคนอายุไม่มาก ซึ่งทำให้เกิดความไม่มั่นใจตามมาทีหลังได้
ยิ่งในคนอายุน้อย หากมีถุงใต้ตาแล้ว จะทำให้ใบหน้าดูอ่อนล้า ไม่สดใส โทรม และดูมีอายุ ส่งผลแก่หลายๆ คนที่กำลังประสบปัญหานี้อยู่ มองหาวิธีรักษาถุงใต้ตาให้หายไป ซึ่งบทความนี้จะให้ความรู้เกี่ยวกับเรื่องถุงใต้ตาว่า ถุงใต้ตาเกิดจากอะไร มีลักษณะเป็นอย่างไร มีผลเสียอย่างไร และจะแก้ไขได้อย่างไร
ถุงใต้ตามีลักษณะอย่างไร
ถุงใต้ตามีลักษณะเป็นเหมือนถุงที่ห้อยย้อยลงมา มีความบวมตุ่ย บางคนมีถุงใต้ตาเยอะ บางคนมีเล็กน้อย แตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ยิ่งมีอายุมากขึ้นโอกาสเกิดถุงใต้ตาก็มากขึ้นเช่นเดียวกัน และในบางครั้งก็มีลักษณะคล้ำ ดูใต้ตาดำไม่สดใส เมื่อปัญหาดังกล่าวนี้เกิดขึ้นแล้ว สำหรับคนที่อายุยังน้อยจะทำให้หน้าดูโทรม เหนื่อยล้า และดูแก่กว่าวัย
ถุงใต้ตาเกิดขึ้นจากอะไร
ทีนี้ผู้อ่านหลายๆ คนอาจเริ่มตั้งคำถามขึ้นมาว่า ถุงใต้ตาเกิดจากอะไร? เพราะต้องการทราบถึงสาเหตุที่แท้จริง เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงปัจจัยที่สามารถเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดถุงใต้ตาในอนาคตได้ ซึ่งเจ้าถุงใต้ตานี้ก็มีสาเหตุหลักๆ มาจากความเสื่อมสภาพของผิวหนังบริเวณใต้ดวงตาตามอายุที่เพิ่มขึ้น ทำให้เกิดการหย่อนของถุงหุ้มไขมันใต้ตา (Herniated Orbital Septum) อาจสะสมจากความเครียด การนอนดึกหรือนอนน้อย
อีกสาเหตุที่เกิดขึ้นได้คือ กระดูกใต้ดวงตายุบตัวลง (Flat/Negative Vector Midface) ทำให้ใต้ตาดูบวม ดูตุ่ย ในผู้สูงอายุ แต่ในบางกรณีอาจเกิดจากอุบัติเหตุ การผ่าตัด หรือหน้าแบนแต่กำเนิดได้เช่นเดียวกัน ทำให้เกิดถุงใต้ตา และมองเห็นได้อย่างชัดเจนมากขึ้น โดยปกติถุงใต้ตามีผลในเรื่องของความสวยงาม แต่ไม่ได้บ่งบอกถึงปัญหาร้ายแรงอะไร แต่สำหรับคนที่อายุน้อยที่มีปัญหาถุงใต้ตา อาจเกิดจากการพักผ่อนไม่เพียงพอ พฤติกรรมการใช้ชีวิตบางอย่าง หรือสาเหตุที่มาจากโรคหัวใจ หรือโรคไตได้
อย่างที่ทราบกันไปแล้วว่าถุงใต้ตาเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ทีนี้มาดูกันว่าถุงใต้ตาสามารถแบ่งออกได้เป็นกี่ประเภท อะไรบ้าง
ถุงใต้ตาแท้
ถุงใต้ตามักจะมีลักษณะป่องนูน เป็นถุงอยู่ใต้ตา ซึ่งมีสาเหตุมาจาก
อายุที่มากขึ้น - จากอายุที่มากขึ้น กล้ามเนื้อและผิวบริเวณรอบดวงตาที่ช่วยรองรับเปลือกตาก็เสื่อมสภาพลง จึงทำให้ดวงตาสูญเสียความแน่นกระชับ
กรรมพันธุ์ - หากมีบุคคลในครอบครัวที่มีปัญหาถุงใต้ตา ก็สามารถบ่งบอกได้ว่าโอกาสเกิดถุงใต้ตาจะมีเพิ่มมากขึ้นเช่นกัน
การทำงานผิดปกติของต่อมไร้ท่อ (Endocrine Gland) - ถุงใต้ตาบวมเกิดจากการทำงานที่ผิดปกติของต่อมไร้ท่อที่มีหน้าที่ในการสร้างฮอร์โมนจากต่อมไทรอยด์ (Thyroid Gland) ได้ ทำให้ไขมันรอบลูกตามีการสะสมมากขึ้นจนนูนออกมาชัด
ถุงใต้ตาเทียม
ถุงใต้ตาเทียม คือ ปัญหาถุงใต้ตาบวมเกิดจากพฤติกรรมการใช้ชีวิต เช่น
อาการแพ้ - เกิดการแพ้สิ่งต่างๆ จนทำให้เกิดการอักเสบ ติดเชื้อ และบวม จนเกิดลักษณะบวมตุ่ยบริเวณถุงใต้ตา
อาการตาแห้ง - อาจเกิดตาแห้งหลังการผ่าตัด ซึ่งทำให้ผิวบริเวณใต้ตาบวมได้
พฤติกรรมการใช้ชีวิต - พฤติกรรมการใช้ชีวิตบางอย่างส่งผลให้เกิดถุงใต้ตาได้ เช่น การทานอาหารเค็มจัด การขยี้ตาแรงๆ บ่อยครั้ง ร้องไห้หนักๆ ใช้สายตาเป็นระยะเวลานาน ตากแดด การดื่มแอลกอฮอล์ การสูบบุหรี่ หรือการนอนหลับไม่เพียงพอ เป็นต้น
ถุงใต้ตาในผู้สูงอายุ
ถุงใต้ตาในผู้สูงอายุเกิดจากการเสื่อมสภาพของผิว การหย่อนคล้อยของกล้ามเนื้อบริเวณเปลือกตา รวมถึงการยุบตัวของกระดูกใต้ตาจากอายุที่มากขึ้น หากถุงใต้ตาเยอะ มีขนาดใหญ่ ก็มีโอกาสที่จะดึงรั้งเปลือกตาลงจนเปลือกตาล่างปลิ้นออกมา ทำให้น้ำตาไหลเองได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ควรได้รับการแก้ไข
ถุงใต้ตาบวมข้างเดียว เกิดขึ้นได้อย่างไร
ถุงใต้ตาบวมข้างเดียวเกิดจาก หลายสาเหตุ บางคนที่เป็นเร็ว พบเป็นปัญหาเยื่อบุตาอักเสบ (Conjunctivitis) หรือที่เรียกว่า อาการตาแดงที่คุ้นเคยกัน ซึ่งเกิดจากการติดเชื้อ อักเสบบริเวณเยื่อบุตาขาว ส่วนมากเกิดจากเชื้อไวรัสจึงสามารถหายเองได้ วิธีรักษาถุงใต้ตากรณีนี้ ก็คือรักษาอาการตาแดงให้หาย โดยการให้ยาฆ่าเชื้อหรือยาลดการอักเสบนั่นเอง
อะไรที่ทำให้ถุงใต้ตาบวมบ้าง
อาการถุงใต้ตาบวมหลายกรณีสามารถป้องกันหรือลดความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นได้ หากทำความเข้าใจและรู้จักกับปัจจัยเหล่านี้ก็จะช่วยป้องกัน ระมัดระวัง ลดโอกาสไม่ให้เกิดถุงใต้ตาบวมได้ มาทำความรู้จักกับปัจจัยเหล่านี้กันให้มากขึ้นดีกว่า
นอนดึก
การนอนดึกนั้น นอกจากจะทำให้ดวงตาดำคล้ำแล้ว ยังทำให้เกิดถุงใต้ตาได้อีกด้วย ผู้อ่านหลายคนคงพอจะทราบหรือเคยประสบกับปัญหานอนดึก นอนน้อย จนเกิดใต้ตาบวมกันมาบ้าง แต่อาจยังไม่เข้าใจว่าทำไมการนอนดึกจึงทำให้เกิดถุงใต้ตาบวมได้
ซึ่งสาเหตุของถุงใต้ตาบวมที่เกิดจากการนอนดึก สืบเนื่องมาจากเส้นเลือดบริเวณใต้ตาเกิดการขยายตัว และด้วยผิวหนังบริเวณดังกล่าวมีความบาง ทำให้เห็นความบวม คล้ำได้ง่าย จนหน้าตาดูเหนื่อยล้า ไม่สดชื่น กระปรี้กระเปร่า
การแพ้
ถุงใต้ตาเยอะเกิดจากการแพ้ได้ด้วยเช่นกัน เช่น การแพ้สารเคมีต่างๆ หรือจากโรคภูมิแพ้ (Allergic Shiner) ซึ่งอาการใต้ตาบวมจากโรคภูมิแพ้เกิดจากการอุดตันของไซนัส ทำให้เส้นเลือดที่ใต้ตาขยาย และพองตัว จนเกิดความคล้ำ และถุงใต้ตาบวม นอกจากนี้เมื่อเกิดอาการแพ้ ตามธรรมชาติของมนุษย์เราก็จะเกิดการคันตาจากการที่ร่างกายหลั่งสารฮิสตามีน (Histamine) จนต้องขยี้ตาบ่อยๆ แน่นอนว่าหากทำแบบนี้บ่อยจะส่งผลให้เกิดอาการถุงใต้ตาบวมได้แน่นอน
ความเครียด
ความเครียดที่มาจากการทำงาน หรือเรื่องต่างๆ ในชีวิตประจำวันทำให้เกิดถุงใต้ตาบวมได้ เพราะร่างกายของคนเราจะกักเก็บน้ำไว้ยังส่วนต่างๆ เพื่อช่วยป้องกันในกรณีที่ร่างกายขาดน้ำ ซึ่งใต้ตาก็มีน้ำเช่นกัน หากเครียดมากๆ ก็จะทำให้ภาวะคั่งน้ำ (Water Retention) แย่ลง จนเกิดถุงใต้ตาเยอะ บวม และเห็นถุงใต้ตาได้อย่างชัดเจน
ผิวแห้ง
อาการผิวแห้งคือสัญญาณของผิวที่ไม่แข็งแรง เมื่อผิวแห้งอาจทำให้เกิดอาการคันตามมาได้ ซึ่งเมื่อผิวอ่อนแอบวกกับความคัน จนต้องสัมผัสผิวบริเวณรอบดวงตาบ่อยครั้ง ทำให้เกิดการอักเสบบวมแดง และใต้ตาคล้ำได้
ลดถุงใต้ตาตามธรรมชาติง่ายๆ ด้วยตัวเอง
ใครๆ ก็คงไม่อยากประสบปัญหาใต้ตาบวม จนทำให้หมดความมั่นใจ เพราะถุงใต้ตาทำให้ใบหน้าดูอ่อนล้า ดูโทรม แถมยังทำให้ดูแก่กว่าวัยไปหลายสิบปี แต่ก็ไม่ต้องกังวลใจจนเกินไป ถ้าหากถุงใต้ตาบวมไม่มากหรือเป็นการบวมแบบเทียม ก็ยังมีวิธีรักษาถุงใต้ตาโดยธรรมชาติที่ไม่ต้องเจ็บตัว และสามารถลองทำด้วยตัวเองง่ายๆ
พักผ่อนให้เพียงพอ
วิธีแก้ไขถุงใต้ตาวิธีเป็นวิธีที่ง่าย แต่อาจจะทำยากสำหรับสายนอนดึกเป็นชีวิตจิตใจ การนอนดึกติดต่อกันบ่อยๆ ทำให้ร่างกายพักผ่อนไม่เต็มที่ เหนื่อยล้า เกิดความเครียดเพิ่มขึ้นได้ ซึ่งสาเหตุเหล่านี้เป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เกิดถุงใต้ตาได้ เมื่อร่างกายได้รับการพักผ่อนอย่างเพียงพอ โดยการนอนไม่ต่ำกว่า 8 ชั่วโมงก็จะช่วยลดอาการบวมใต้ตาลงได้
ประคบเย็น
การประคบเย็นเป็นวิธีแก้ไขถุงใต้ตาบวมแบบง่ายๆ ที่สามารถใช้อุปกรณ์ใกล้ตัวที่หาได้สะดวก ไม่ว่าจะเป็น น้ำแข็ง ช้อนแช่เย็น หรือผ้าเย็น นำมาประคบถุงใต้ตาประมาณ 5-10 นาที ทำได้หลังตื่นนอนหรือหลังร้องไห้ ก็จะช่วยลดความบวมใต้ตาได้ แต่ข้อควรระวังก็คือ สิ่งที่นำมาประคบต้องสะอาด เพราะดวงตา และผิวบริเวณดวงตานั้นบอบบาง ระคายเคืองง่าย
ทาครีมใต้ตา
ครีมทาใต้ตาหลายๆ แบรนด์ในท้องตลาด ทำมาเพื่อช่วยลดความคล้ำใต้ตา รวมถึงอาการตาบวมได้ด้วย โดยมองหา eye cream หรือ eye mark ที่มีส่วนผสมของ caffeine (กาเฟอีน) ที่มีสรรพคุณในการช่วยลดการอักเสบและความบวมของผิวรอบดวงตาได้
ลดถุงใต้ตาด้วยการผ่าตัด
สำหรับคนที่ถุงใต้ตามากและมีอาการถุงใต้ตาแท้ อาจทำให้การดูแลตัวเองด้วยวิธีธรรมชาติไม่เป็นผล ในเคสแบบนี้สามารถใช้วิธีทางการแพทย์เข้ามาแก้ไขได้ ซึ่งก็คือการผ่าตัดถุงใต้ตา (Lower Blepharoplasty) เพื่อให้สามารถลดถุงใต้ตาได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งการผ่าตัดถุงใต้ตานั้นในอดีตจะใช้วิธีการเอาไขมันใต้ตาออก และตัดหนังส่วนที่เกินออกไปด้วย แต่พบว่าไม่สามารถแก้ไขถุงใต้ตาได้จริง
ปัจจุบันการผ่าตัดจะเป็นการผ่าตัดย้ายไขมันถุงใต้ตาออกมารองร่องรูปโค้งพระจันทร์ใต้ตา และตัดพังผืดระหว่างผิวหนังและกระบอกตาออก เพื่อป้องกันการกลับมาเป็นรอยใหม่ และในปัจจุบันสามารถทำผ่านบริเวณด้านในเยื่อบุตาอย่างเดียว ซึ่งเหมาะสำหรับคนอายุน้อย การผ่าตัดเน้นแผลด้านใน เพราะทำให้ไม่เกิดแผลผิวหนัง ยกกระชับได้ผ่านแผลขีดหางตาที่ซ่อนอยู่มุมหางตา วิธีใหม่นี้จะไม่ทำให้เกิดรอยแผลเป็นกวนใจ ไม่เกิดการดึงรั้งของผิวหนังจนเห็นตาขาวในภายหลัง
ในกรณีผู้สูงอายุ หลังผ่าตัดอาจจะมีแผลยาวประมาณ 5-6 มิลลิเมตรที่หางตา เพื่อตัดเนื้อบางส่วนแต่ไม่ทิ้งรอยแผลเป็น นอกจากนี้อาจมีการเสริมการผ่าตัดด้วยการเติมไขมันตนเอง โดยทำการดูดเซลล์ที่นำมาจากหน้าท้องด้านล่าง เพื่อแก้ไขในกรณีที่ร่องลึกมาก
เหมาะกับใคร
การผ่าตัดลดถุงใต้ตาเหมาะกับทุกคนที่กำลังเผชิญกับปัญหานี้อยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้สูงอายุที่จะมีถุงใต้ตาเยอะ หนังเกินเห็นได้ชัด ทำให้หน้าดูไม่สดใส นอกจากประโยชน์เรื่องความสวยงามแล้ว ถ้าพบว่ามีการหย่อนของเปลือกตาล่างทำให้ ตาแบะออก จนเกิดอาการน้ำตาไหล จากกระจกตาอักเสบ มีความจำเป็นที่ต้องผ่าตัดถุงใต้ตาร่วมกับการยกดึงใต้ตา เพื่อป้องกันปัญหาแทรกซ้อนทางตาดังกล่าว โดยเร็ว
การเตรียมตัวก่อนผ่าตัด
ก่อนการผ่าตัดถุงใต้ตา ควรมีการเตรียมตัวก่อนผ่าตัดลดถุงใต้ตา ซึ่งสามารถทำได้ดังนี้
แจ้งแพทย์หากมีโรคประจำตัว มีประวัติแพ้ยา รวมทั้งยา อาหารเสริม และสมุนไพรต่างๆ ที่รับประทาน
แจ้งประวัติการผ่าตัดที่เคยทำมาก่อน
งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และงดสูบบุหรี่
งดยาละลายลิ่มเลือด 2-4 สัปดาห์ ก่อนการผ่าตัด
นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
ควรพาญาติมาด้วยในกรณีที่ต้องขับรถ
ลางานเพื่อพักฟื้น อย่างน้อย 3 วัน หลังผ่าตัด
การดูแลหลังผ่าตัด
เมื่อทำการผ่าตัดถุงใต้ตาเพื่อคืนความสดใสให้กับดวงตาแล้ว ก็ต้องดูแลตัวเองเพื่อให้แผลหายไวและลดโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ ตามมา ทำได้ดังนี้
พักผ่อนหลังจากทำการผ่าตัดประมาณ 3 วัน
หมั่นประคบเย็นอยู่เสมอ ช่วง 72 ชั่วโมง แรก
นอนศีรษะสูง
หลีกเลี่ยงการโดนน้ำอย่างน้อย 3 วัน
ห้ามใช้มือที่ไม่สะอาดสัมผัสดวงตาหรือขยี้ตาอย่างเด็ดขาด
งดการใช้สายตา การมองจอ หรือ การดูโทรศัพท์
กินยาตามที่แพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด
ถุงใต้ตาเกิดจากอายุที่มากขึ้น ผิวหนังบริเวณดวงตาที่เกิดการหย่อนคล้อยลงมา และมีไขมันนูนออกมาจากบริเวณใต้ตา การยุบตัวของกระดูกใต้ตา เกิดจากกรรมพันธุ์ หรือมาจากการใช้ชีวิตประจำวันก็ได้เช่นกัน สามารถเกิดได้กับทุกเพศ ทุกวัย การแก้ไขปัญหาถุงใต้ตาสามารถทำได้ด้วยวิธีการทางธรรมชาติ เช่น การนอนให้พอ ประคบเย็น หรือทาครีมใต้ตา ในกรณีที่อาการบวมนั้นเป็นปัญหาถุงใต้ตาเทียม หากมีปัญหาถุงใต้ตาแท้ก็สามารถรักษาด้วยวิธีผ่าตัด ที่ในปัจจุบันนั้นสามารถทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไร้แผลเป็น ช่วยเรียกคืนความมั่นใจกลับคืนมาได้
Comments